โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ต่างกันยังไง? ลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน

โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ต่างกันยังไง? ลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน

เนื้อหาสำคัญ

โซเชียลมีเดียและเว็บไซต์เป็นช่องทางออนไลน์ที่ธุรกิจทั้งหลายให้ความสนใจ และหลายคนสงสัยว่าควรเลือกลงทุนแบบใดจึงคุ้มค่าที่สุด เรื่องนี้ต้องอธิบายว่าทั้งสองมีลักษณะ และบทบาทที่ต่างกัน

โซเชียลมีเดีย (Social media) คือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ผู้คนใช้สื่อสาร แชร์ประสบการณ์ ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอต่อกันแบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างชุมชน (Social Network) บนอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น Facebook, Instagram, Twitter ฯลฯ ที่เน้นการติดต่อสื่อสาร และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

เว็บไซต์ (Website) คือหน้าเว็บเพจที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลดิจิทัลต่าง ๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือบทความความรู้ โดยเชื่อมโยงหน้าต่าง ๆ ผ่านลิงก์ (Hyperlink) เว็บไซต์ส่วนใหญ่เข้าชมได้ฟรี และเป็นที่อยู่หลักบนโลกออนไลน์ที่จะให้ข้อมูลครบถ้วนเป็นลายลักษณ์อักษร (Digital Asset) สำหรับธุรกิจ

 

ข้อดีของโซเชียลมีเดีย (Social media)

โซเชียลมีเดียมีจุดเด่นหลายอย่างที่ช่วยเสริมการตลาดออนไลน์ของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง การเข้าถึง และเชื่อมต่อกับผู้คนได้ง่าย ทำให้สามารถสื่อสาร หรือลงโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างข้อดีสำคัญ เช่น

  • เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากและรวดเร็ว: โซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มที่คนใช้กันอย่างกว้างขวางในชีวิตประจำวัน จึงโพสต์ข้อมูลสินค้า โปรโมชั่น หรือข่าวสารได้ทันที ผู้ติดตาม (Followers) สามารถเห็นเนื้อหาแบบเรียลไทม์ และระบบโฆษณาก็ช่วยขยายกลุ่มคนเห็นโพสต์ได้มากยิ่งขึ้น
  • ฟีเจอร์หลากหลาย ช่วยให้สื่อสารง่าย: ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเข้าถึงกันได้ง่าย ทุกคนจึงสามารถแลกเปลี่ยนข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอได้สะดวก (เช่น การแชท ไลฟ์สด แชร์สตอรี่) ส่งผลให้สามารถอัพเดตข่าวสาร โปรโมชั่น หรือรับฟังข้อเสนอแนะจากลูกค้าได้ทันท่วงที
  • ต้นทุนต่ำ สร้างการรับรู้แบรนด์ได้ดี: การเริ่มต้นใช้โซเชียลมีเดียแทบไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยลดภาระค่าโฆษณาเบื้องต้น และช่วยกระจายแบรนด์ของธุรกิจได้อย่างกว้างขวาง ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่มีเว็บไซต์แล้วก็นำโซเชียลมีเดียมาช่วยสร้าง Traffic เข้าเว็บไซต์ได้ฟรี
  • เข้าถึงฟีดแบ็คและศึกษาคู่แข่ง: โซเชียลมีเดียเปิดโอกาสให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็น หรือรีวิวสินค้าได้ทันที ช่วยให้ธุรกิจรู้จักความต้องการ หรือปรับปรุงบริการได้รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามคู่แข่ง หรืองานบริการในธุรกิจประเภทเดียวกันได้ง่าย เพื่อปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันการแข่งขัน

 

ข้อจำกัดของโซเชียลมีเดีย (Social media)

  • การควบคุมเนื้อหาและข้อมูลจำกัด: โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่สาธารณะบนเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์มนั้น ๆ แปลว่าเจ้าของเพจไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่จริง ไม่สามารถควบคุมได้เต็มที่ หากวันหนึ่งแพลตฟอร์มปิดตัวหรือแบนบัญชี เนื้อหาทั้งหมดอาจหายไปได้เหมือนกับการเช่าบ้านที่ไม่ใช่ของเรา สตาฟเฟอร์อัลกอริทึม หรือกฎเกณฑ์ของแต่ละแพลตฟอร์มทำให้การเข้าถึงผู้ชมแบบออร์แกนิกยากขึ้นไปอีก ผู้ประกอบการอาจต้องเสียเงินลงโฆษณาต่อเนื่องเพื่อรักษาการมองเห็น
  • เนื้อหาเรียลไทม์มักใช้ได้สั้น ๆ: โพสต์บนโซเชียลมีเดียมักมีอายุสั้น ต้องมีการอัพเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องหากต้องการรักษาความสนใจของผู้ชม ลูกค้ามักเลื่อนผ่านฟีดอย่างรวดเร็ว อาจพลาดข้อมูลสำคัญหากธุรกิจไม่โพสต์เป็นประจำ
  • ประเด็นความเป็นส่วนตัวและกฎหมายลิขสิทธิ์: การให้ข้อมูลส่วนตัวแก่แพลตฟอร์ม หรือการแชร์ภาพ/วิดีโอโดยไม่ได้ระบุเครดิต อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล และการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น

 

ข้อดีของเว็บไซต์ (Website)

สำหรับเว็บไซต์ที่ธุรกิจมีเป็นของตัวเอง (เช่น ชื่อโดเมน (Domain) ของแบรนด์ตนเอง) ก็มีประโยชน์เฉพาะตัวหลายอย่าง ได้แก่

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์: ผู้บริโภคมักจะรู้สึกมั่นใจเมื่อธุรกิจมีเว็บไซต์มืออาชีพ เป็นข้อมูลครบถ้วน ช่วยยืนยันตัวตน และความพร้อมให้บริการการทำเว็บไซต์เปรียบเสมือนการซื้อบ้านหลังแรกของธุรกิจ ที่เราสามารถออกแบบข้อมูล และภาพลักษณ์ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ งานวิจัยพบว่าหากเว็บไซต์ใช้งานได้ดี สวยงาม มีข้อมูลครบถ้วน โอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้า หรือกลับมาเยี่ยมชมซ้ำก็สูงขึ้น
  • ควบคุมเนื้อหาได้เต็มที่: บนเว็บไซต์ของตัวเอง ธุรกิจสามารถกำหนดโครงสร้าง และออกแบบเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งข้อจำกัด หรืออัลกอริทึมของแพลตฟอร์มใด ๆ จึงสามารถสร้างฟีเจอร์เสริม (เช่น ระบบสมาชิก เว็บไซต์บล็อก เว็บแชท หรือต่อเชื่อมระบบอีคอมเมิร์ซ) ได้ตามต้องการ
  • สร้างช่องทางขายและเชื่อมต่อ E-commerce ได้: เว็บไซต์ของธุรกิจสามารถเชื่อมโยงกับระบบขายสินค้าออนไลน์ได้โดยตรง เช่น หน้าแคตตาล็อกสินค้า รีวิว คำสั่งซื้อ และตะกร้าสินค้า แสดงข้อมูลติดต่อ และคำถามที่พบบ่อยทั้งหลายไว้ในที่เดียว ช่วยให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลครบถ้วนแล้วสั่งซื้อได้ทันที
  • รองรับ SEO และสร้างทราฟิกออร์แกนิก: การทำ SEO (Search Engine Optimization) บนเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางสำคัญในการถูกค้นพบจาก Google ช่วยดึงลูกค้าใหม่ให้เข้าสู่เว็บไซต์โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา หากออกแบบเนื้อหาให้มีคำสำคัญเกี่ยวข้องกับสินค้า และบริการ ก็มีโอกาสสูงที่ธุรกิจจะติดอันดับการค้นหา และได้ Traffic แบบออร์แกนิก ยิ่งออกแบบเว็บไซต์ให้ดี (โหลดเร็ว ตอบโจทย์ผู้ใช้) เท่าไหร่ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้เป็นลูกค้า (Conversion) มากขึ้นเท่านั้น
  • เป็นจุดรวมข้อมูล (Hub) ให้ทั้งระบบการตลาด: แม้ว่าจะใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลักในการดึงผู้ชม แต่เมื่อมีเว็บไซต์สามารถรวมข้อมูลข่าวสาร โปรไฟล์บริษัท พอร์ตโฟลิโอผลงาน หรือบล็อกความรู้ไว้อย่างเป็นระบบเดียว จึงทำให้ลูกค้าสามารถศึกษาข้อมูลแบรนด์ได้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ

 

ข้อจำกัดของเว็บไซต์ (Website)

  • ค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนในการสร้าง/ดูแล: การมีเว็บไซต์นั้นต้องมีค่าเช่าโดเมน โฮสติ้ง และ ค่าออกแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ดี ต้องมีนักพัฒนา หรือผู้ดูแลระบบ ซึ่งต่างจากโซเชียลมีเดียที่เริ่มต้นใช้ฟรี หากธุรกิจไม่มีทีมงาน ก็อาจต้องจ้างภายนอกซึ่งต้องมีงบประมาณพอสมควร
  • ต้องลงแรงสร้างเนื้อหาบ่อย ๆ: เว็บไซต์ที่ไม่มีการอัพเดต หรือปรับปรุงเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอจะดึงดูดผู้เยี่ยมชมน้อยลง (Google ก็จะให้คะแนนต่ำลง) ธุรกิจจึงต้องมีการสร้าง และอัปเดตคอนเทนต์เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ บทความ หรือข่าวสาร เพื่อรักษาอันดับ SEO และความสนใจของลูกค้า
  • ไม่เน้นการสื่อสารโต้ตอบเรียลไทม์: โดยธรรมชาติเว็บไซต์เป็นที่เก็บข้อมูลซึ่งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการสนทนาโต้ตอบระหว่างผู้ใช้ทั่วไปเหมือนโซเชียลมีเดียแม้ว่าจะมีระบบคอมเมนต์ หรือแชทบอทเพิ่มเติม ก็ยังไม่สามารถเลียนแบบความรวดเร็วในการโต้ตอบแบบ Social Media ได้ทั้งหมด

 

เปรียบเทียบความแตกต่างโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ที่สำคัญ

  • การสื่อสารและการโต้ตอบ: โซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มสังคมที่ผู้ใช้งานสามารถติดต่อสื่อสาร แบ่งปันความคิดเห็น และมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงข้อมูลอยู่เสมอแบบเรียลไทม์ ในทางกลับกัน เว็บไซต์เป็นแพลตฟอร์มสำหรับรวบรวมข้อมูล จัดเก็บเอกสาร รูปภาพ หรือวิดีโอ เพื่อให้คนเข้ามาค้นหาอ่าน แต่โดยปกติผู้เยี่ยมชมหน้าเว็บไม่สามารถพูดคุยหรือแก้ไขเนื้อหาแบบ Realtime ได้
  • ความเป็นเจ้าของพื้นที่และควบคุมข้อมูล: โซเชียลมีเดียก็เหมือนบ้านเช่าที่เช่าพื้นที่ของผู้ให้บริการ ผู้ใช้งานต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของแพลตฟอร์ม และหากแพลตฟอร์มมีปัญหา ธุรกิจอาจสูญเสียฐานลูกค้าไปด้วย ส่วนเว็บไซต์ที่ซื้อชื่อโดเมนเป็นของตนเอง เหมือนบ้านที่จ่ายแค่ค่าดูแลรายปี แต่ได้สิทธิ์เต็มรูปแบบ สามารถออกแบบ ตกแต่ง และจัดเก็บข้อมูลได้อย่างอิสระ ไม่มีแพลตฟอร์มไหนจะไปลบเนื้อหาเราได้ (ยกเว้นโดเมนหมดอายุ)
  • การค้นหาและการตลาด: โซเชียลมีเดียเน้นให้ความสำคัญกับการสร้าง และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม หรือใช้ระบบโฆษณาช่วยเผยแพร่ แต่เนื้อหาบนโซเชียลนั้นอาจไม่ถูกดึงขึ้นในการค้นหาปกติของ Google ในทางกลับกัน เว็บไซต์ที่ทำ SEO ดีจะติดอันดับผลการค้นหาบน Google ได้ ช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะพบธุรกิจเองแบบออร์แกนิก

 

สรุปควรลงทุนโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะกับธุรกิจ

การเลือกลงทุนในโซเชียลมีเดีย หรือเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย และลักษณะของธุรกิจ หากธุรกิจเน้นการเข้าถึงลูกค้าเร็ว มีปฏิสัมพันธ์สม่ำเสมอ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่น การลงทุนในโซเชียลมีเดียจะเห็นผลไว เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทันที แต่หากธุรกิจต้องการความน่าเชื่อถือในระยะยาว เช่น บริษัท B2B หรือธุรกิจบริการ การมีเว็บไซต์จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสการค้นหาใน Google ได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การใช้ทั้งสองช่องทางควบคู่กันคือทางเลือกที่ดีที่สุดในยุคดิจิทัล

การมีเว็บไซต์คือการสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคง ส่วนโซเชียลมีเดียคือการขยายเสียงให้ดังไกล เมื่อใช้อย่างสมดุล จะช่วยส่งเสริมกันและกัน ทำให้แบรนด์น่าเชื่อถือ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุม และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน หากคุณกำลังมองหามืออาชีพในการออกแบบเว็บไซต์ Bizsoft เราคือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นการรับทำเว็บไซต์ วางแผนการตลาดออนไลน์ (SEO, SEM) บริการแบบครบวงจร สนใจติดต่อเรามาได้เลยเราให้รำบคำปรึกษาให้ฟรี!

คำถามที่พบบ่อย

หากงบประมาณจำกัด การเริ่มจากโซเชียลมีเดียจะง่ายกว่า เพราะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ไว แต่หากมีงบประมาณ และต้องการสร้างความน่าเชื่อถือระยะยาว การมีเว็บไซต์ควบคู่กันตั้งแต่ต้นจะดีที่สุด

จำเป็น เพราะเว็บไซต์ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นฐานข้อมูลหลัก และควบคุมทุกอย่างได้มากกว่าโซเชียลมีเดีย ทั้งในแง่ของดีไซน์ การแสดงข้อมูล และระบบขายสินค้าออนไลน์

หลายแบรนด์ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างกระแส หรือเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้รวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่ก็ยังมีเว็บไซต์ของตัวเองอยู่เบื้องหลัง เพียงแต่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางโปรโมทหลัก

แนะนำให้มีทั้งสองช่องทาง เว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นบ้านหลัก ส่วนโซเชียลมีเดียคือประตูที่เปิดรับคนเข้ามา หากใช้ร่วมกันอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มยอดขาย และความน่าเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น

SEO จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาใน Google ซึ่งทำให้คนเข้าถึงแบบไม่ต้องซื้อโฆษณา แต่ถ้ายังไม่ทำ SEO ก็ยังสามารถใช้เว็บไซต์เป็นแหล่งข้อมูล/ร้านค้าออนไลน์ และโปรโมตผ่านช่องทางอื่นได้เช่นกัน

Picture of Sudarat Boontod
Sudarat Boontod

บทความที่เกี่ยวข้อง

Mourning Ribbon