Performance marketing หนึ่งในกลยุทธ์ Digital Marketing ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ไม่เพียงเพราะช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างเห็นผล แต่ยังช่วยให้ธุรกิจควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ากับการลงทุน ด้วยแนวคิดที่เน้นจ่ายเมื่อได้ผลลัพธ์เท่านั้น ทำให้เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้น และผู้ที่ต้องการขยายผลทางธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์ที่จับต้องได้
ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่รวดเร็ว การทุ่มงบประมาณไปกับการตลาดแบบเดิม ๆ ที่วัดผลได้ยาก อาจไม่ใช่วิธีที่ใช้ได้ผลอีกต่อไป บทความนี้ Bizsoft จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับแนวคิดของ Performance Marketing ว่าคืออะไร ทำไมจึงสำคัญต่อธุรกิจยุคใหม่ และควรเริ่มต้นอย่างไรให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
Performance Marketing คืออะไร
Performance Marketing หรือ “การตลาดเชิงประสิทธิภาพ” คือการทำการตลาดโดยที่ผู้ลงโฆษณาจะจ่ายเงินเมื่อเกิดผลลัพธ์ที่สามารถวัดผลได้จริง เช่น จำนวนคลิก (CPC), การแสดงผล, การสมัครสมาชิก หรือยอดขาย ต่างจากการตลาดทั่วไปที่มักจ่ายแบบเหมาจ่ายโดยไม่รู้ผลลัพธ์ชัดเจน รูปแบบนี้ทำให้ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า และยังวัดผลได้แบบเรียลไทม์ สามารถปรับปรุงแคมเปญได้ทันที
ความแตกต่างสำคัญระหว่าง Performance Marketing และ Digital Marketing ทั่วไป
- Digital Marketing: เป็นคำกว้าง ๆ ที่หมายถึงการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น SEO, Content Marketing หรือ Social Media โดยมีเป้าหมายหลากหลาย ตั้งแต่สร้างการรับรู้ไปจนถึงสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
- Performance Marketing: คือ ส่วนหนึ่ง ของ Digital Marketing ที่เน้นการสร้าง “Action” ที่วัดผลได้ และเชื่อมโยงกับเป้าหมายทางธุรกิจโดยตรง ทำให้สามารถคาดการณ์การใช้จ่ายต่อผลลัพธ์ ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ได้ล่วงหน้า
ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้ Performance Marketing?
- วัดผลได้จริงทุกขั้นตอน: ไม่ต้องมาคาดเดาเหมือนการตลาดแบบดั้งเดิม Performance Marketing ช่วยให้รู้ว่าเงินที่ลงไปแต่ละบาทได้ผลตอบแทนกลับมาแค่ไหนแบบชัดเจน ทำให้วางแผนงบประมาณได้แม่นยำ
- ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ: ธุรกิจไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อหวังผลอีกต่อไป แต่จ่ายเมื่อเกิดผลลัพธ์จริงเท่านั้น จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และเพิ่ม ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ขยายกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น: ด้วยการใช้งานเครื่องมือโฆษณาอย่าง Facebook Ads, Google Ads หรือ TikTok Ads ที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียด ทำให้เข้าถึงลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อได้มากขึ้น
- ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา: การทำแคมเปญแบบ Performance Marketing ช่วยให้ปรับกลยุทธ์ได้ทันทีตามข้อมูลจริง ไม่ต้องรอจนจบแคมเปญแล้วค่อยมาแก้ไข
ประเภทของ Performance Marketing ที่ธุรกิจยุคใหม่ต้องรู้
- Search Engine Marketing (SEM): การตลาดบนเครื่องมือค้นหา คือการประมูลซื้อพื้นที่โฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณไปปรากฏในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดบนหน้าผลการค้นหา เมื่อมีคนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่คุณกำหนดไว้ ส่วนใหญ่เป็น Cost-Per-Click (CPC) คือคุณจะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณ
- Pay-Per-Click (PPC) Advertising: การโฆษณาแบบ PPC เป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุดของ Performance Marketing ผู้โฆษณาจ่ายเงินเฉพาะเมื่อมีคนคลิกโฆษณา แพลตฟอร์มยอดนิยม ได้แก่ Google Ads, Facebook Ads โดยข้อดีของ PPC คือสามารถควบคุมงบประมาณได้ และเริ่มได้ทันทีหลังจากตั้งค่าแคมเปญ
- Affiliate Marketing: การตลาดแบบ Affiliate เป็นการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ภายนอกให้ช่วยส่งเสริมสินค้าหรือบริการ โดยจ่ายค่า Commission เฉพาะเมื่อเกิดการขายจริง วิธีนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายฐานลูกค้าโดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้า
- Native Advertising:โฆษณาแบบ Native ถูกออกแบบให้กลมกลืนกับเนื้อหาของแพลตฟอร์มที่แสดง ทำให้ไม่รบกวนผู้ใช้ และมีอัตราการมีส่วนร่วมที่สูงกว่าโฆษณาแบบดั้งเดิม
- Social Media Advertising: เป็นช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเชิงรุก โดยอาศัยข้อมูลพฤติกรรม และความสนใจ เพื่อนำเสนอโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มคนที่มีแนวโน้มจะกลายมาเป็นลูกค้าได้ แม้ว่าในขณะนั้นพวกเขาจะยังไม่ได้ค้นหาสินค้าของคุณอยู่ก็ตาม
- Influencer Marketing: การร่วมมือกับ Influencer เป็นการใช้ความน่าเชื่อถือ และการมีอิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียงในการส่งเสริมสินค้า ซึ่งการนำ Influencer Marketing มาปรับใช้ในมุมของ Performance Marketing เป็นกลยุทธ์ที่ “Win-Win” ทั้งสองฝ่าย แบรนด์สามารถมั่นใจได้ว่างบประมาณที่จ่ายไปสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า และวัดผลได้จริง ในขณะที่ Influencer ที่สร้างผลงานได้ดี ก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์เพิ่มยอดขายด้วย Performance Marketing
- การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: ก่อนเริ่มแคมเปญ Performance Marketing ธุรกิจต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย 20% ภายใน 3 เดือน หรือเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ 500 คนต่อเดือน
- รู้จักกลุ่มเป้าหมาย: คุณต้องสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
- พวกเขาคือใคร: อายุ เพศ ที่อยู่ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้
- พวกเขาสนใจอะไร: งานอดิเรก ความสนใจ พฤติกรรมการซื้อสินค้า การใช้สื่อออนไลน์
- พวกเขาอยู่ที่ไหน: ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใดเป็นหลัก ค้นหาข้อมูลผ่าน Google หรือไม่ ชอบดูวิดีโอหรืออ่านบทความ
- อะไรคือปัญหาหรือความต้องการของพวกเขา: สินค้าหรือบริการของคุณจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาได้อย่างไร
- เลือกช่องทางโฆษณาที่เหมาะสม: แต่ละช่องทางของ Performance Marketing มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ธุรกิจควรเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ และกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นวัยรุ่น TikTok อาจเป็นช่องทางหลัก แต่หากเป็นกลุ่มธุรกิจ B2B การทำโฆษณาบน LinkedIn หรือ Google Search อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
- ปรับคอนเทนต์ให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม: เนื้อหาโฆษณาที่ได้ผลบน Facebook อาจไม่เวิร์กบน Google หรือ TikTok จึงต้องปรับข้อความ รูปภาพ และวิดีโอให้เข้ากับบริบทของแต่ละช่องทาง
- ใช้ Remarketing อย่างมีประสิทธิภาพ: ตั้งค่าโฆษณาไปยังผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์หรือกดโฆษณาก่อนหน้านี้ เพื่อกระตุ้นให้กลับมาซื้อซ้ำ โดยประหยัดงบประมาณจากการเข้าถึงกลุ่มเดิมที่มีแนวโน้มสูงแล้ว
Performance Marketing เครื่องมือและแพลตฟอร์มไหนใช้ได้บ้าง
- Google Ads (Search/Display/YouTube Ads): เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมทั้งการค้นหา การแสดงผล และวิดีโอบน YouTube เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท
- Meta Ads (Facebook/Instagram): เหมาะกับแบรนด์ที่เน้นภาพและวิดีโอ และธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงผู้บริโภคทั่วไป ด้วยเครื่องมือการกำหนดเป้าหมายที่ละเอียด และหลากหลาย
- TikTok Ads: กำลังมาแรงสำหรับตลาดวัยรุ่น
- LINE Ads Platform: สำหรับกลุ่มเป้าหมายคนไทยที่ใช้ LINE ทุกวัน
- Affiliate Platform: เช่น Accesstrade, Shopee Affiliate, Lazada Affiliate
สรุป Performance Marketing
ทุกการลงทุนต้องคุ้มค่า ทุกเม็ดเงินต้องสร้างผลลัพธ์ได้จริง Performance Marketing คือคำตอบของธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการเห็นยอดขายเติบโต พร้อมลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นลงอย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคตข้างหน้า Performance Marketing จะยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญของธุรกิจ โดยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI และ Machine Learning จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ธุรกิจที่เตรียมพร้อม และปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกลยุทธ์นี้
พร้อมรึยังที่จะพาธุรกิจของคุณก้าวขึ้นไปอีกขั้น พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จด้วยบริการ SEM และ Google Ads จาก Bizsoft เราพร้อมผลักดันเว็บไซต์ของคุณให้ติดอันดับในหน้าแรกของ Google เพื่อเพิ่มยอดขาย และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ ติดต่อ Bizsoft วันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!