Google เห็นเว็บไซต์ของเรายังไง เคยสงสัยไหมว่าสิ่งที่เราเห็นในเว็บไซต์ กับสิ่งที่ Google เห็นนั้นเหมือนกันหรือไม่? คำตอบคือ ไม่เหมือนกันเลย ก็เพราะในขณะที่มนุษย์อย่างเรามองเห็นเว็บไซต์ผ่านดีไซน์ ภาพเคลื่อนไหว วิดีโอ หรือฟอนต์ที่สวยงาม แต่ Google เห็นเว็บไซต์ของเรา ในอีกมุมหนึ่งที่เน้นโครงสร้างข้อมูล และเนื้อหาที่อ่านได้ด้วยโค้ดเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่า เว็บไซต์ที่ดูดีในสายตาของคน ก็อาจจะไม่ดีในสายตาของ Google ก็ได้
ดังนั้น การเข้าใจมุมมองของ Google จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับใครก็ตามที่ต้องการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อเรารู้ว่า Google มองเห็นอะไร และประเมินเว็บไซต์จากส่วนไหน เราก็สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับการจัดอันดับได้ดียิ่งขึ้น
Google เห็นเว็บไซต์ของเราในมุมมองแบบไหน
สิ่งแรกที่ควรรู้คือ Google ไม่ได้เข้ามาดูเว็บไซต์ด้วยสายตาแบบมนุษย์ แต่จะใช้กระบวนการที่เรียกว่า Crawling และ Indexing ผ่านโปรแกรมอัตโนมัติที่ชื่อว่า Googlebot โดย Googlebot จะเข้ามาอ่านเว็บไซต์ของเราในเชิงข้อมูลทีละหน้า ค้นหาว่ามีลิงก์อะไรบ้าง เนื้อหาเกี่ยวข้องกับอะไร และมีส่วนไหนบ้างที่สามารถนำไปจัดเก็บในฐานข้อมูลของ Google ได้ กระบวนการนี้เรียกว่า การเก็บข้อมูล หรือ Crawl เมื่อเก็บข้อมูลเสร็จ ระบบจะนำไป จัดหมวดหมู่ หรือ Index เพื่อเตรียมไว้แสดงผลในหน้าค้นหา
การที่ Google เห็นเว็บไซต์ของเราจึงไม่ใช่การมองเห็นภาพกราฟิกหรือวิดีโอ แต่คือการอ่านข้อมูลจากโค้ด HTML ที่อยู่เบื้องหลังหน้าเว็บ เช่น โครงสร้างหัวข้อ <h1>, <h2> เนื้อหาภายในแท็ก <p> คำอธิบายภาพในแท็ก <img alt=”…”> และลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าต่าง ๆ ของเว็บไซต์ (Internal Links) ซึ่งหากโครงสร้างเหล่านี้ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ Googlebot ก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าเว็บไซต์ของเราพูดถึงเรื่องอะไร และเหมาะจะปรากฏต่อผู้ใช้กลุ่มใด
ทำไมการเข้าใจมุมมองของ Google ถึงสำคัญต่อ SEO
การเข้าใจมุมมองของ Google ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของการทำ SEO เพราะสิ่งที่ Google ให้ความสำคัญนั้นไม่ได้มีเพียงความสวยงามของเว็บไซต์ แต่คือความสามารถในการสื่อสารข้อมูลให้เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้รวดเร็ว ยิ่งเว็บไซต์สามารถให้ข้อมูลที่มีคุณค่า ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา และมีโครงสร้างที่ชัดเจน Google ก็จะยิ่งมองว่าเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพมากขึ้น ดังนั้น การเข้าใจว่า Google เห็นเว็บไซต์ของเราแบบใด จะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงได้อย่างตรงจุด เช่น การใช้คำค้น (Keyword) ในตำแหน่งสำคัญ การจัดเรียงหัวข้อให้เป็นลำดับชัดเจน การทำให้หน้าเว็บโหลดเร็ว หรือการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือ ซึ่งล้วนส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรง
Googlebot คือใคร และมองเห็นเว็บไซต์อย่างไร
Googlebot เป็นโปรแกรมอัตโนมัติที่ Google ใช้ในการสำรวจเว็บไซต์ทั่วโลก ทำหน้าที่เสมือนหุ่นยนต์ที่เข้ามาอ่านข้อมูลแทนสายตามนุษย์ โดยจะไล่ดูแต่ละหน้าเว็บจากโค้ด HTML และเก็บข้อมูลที่สามารถอ่านได้ เช่น ข้อความ ลิงก์ และคำอธิบายภาพ หากเว็บไซต์ของเรามีส่วนที่ซับซ้อน หรือปิดกั้นการเข้าถึง เช่น มีการใช้ JavaScript มากเกินไป หรือปิดการเข้าถึงหน้าเว็บบางส่วนผ่านไฟล์ robots.txt ก็อาจทำให้ Googlebot เข้าไม่ถึงข้อมูลสำคัญได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น Google ก็จะมองไม่เห็นเนื้อหาบางส่วนของเรา ส่งผลให้การจัดอันดับไม่เต็มศักยภาพ การเปิดทางให้ Googlebot เข้าถึงทุกหน้าของเว็บไซต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรตรวจสอบว่าไม่มีการบล็อกหน้าเว็บที่สำคัญ ควรใช้ Sitemap เพื่อบอกเส้นทางให้ Googlebot เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์โดยรวม และใช้โครงสร้างหัวข้ออย่างถูกต้อง เพื่อช่วยให้ระบบอ่าน และจัดหมวดหมู่ข้อมูลได้ง่ายขึ้น
โครงสร้างเว็บไซต์มีผลต่อการมองเห็นของ Google
โครงสร้างเว็บไซต์ (Website Structure) มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการที่ Google เห็นเว็บไซต์ของเรา เพราะเปรียบเสมือนแผนที่ที่ช่วยให้ Googlebot เข้าใจความเชื่อมโยงของข้อมูลในแต่ละหน้า หากโครงสร้างซับซ้อน มีลิงก์เชื่อมโยงที่ไม่ชัดเจน หรือเนื้อหาซ้ำซ้อนกันมากเกินไป ระบบก็จะใช้เวลาในการเก็บข้อมูลนาน และบางครั้งอาจข้ามหน้าเว็บบางส่วนไปโดยไม่บันทึกเลยก็ได้
เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างดีในสายตา Google ควรมีลำดับหัวข้อที่ชัดเจน ใช้ H1 เพียงครั้งเดียวสำหรับหัวข้อหลัก และใช้ H2 หรือ H3 สำหรับหัวข้อย่อยที่เรียงตามลำดับ มีการเชื่อมโยงภายในระหว่างเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบเข้าใจว่าแต่ละหน้าเชื่อมโยงกันอย่างไร รวมถึงควรออกแบบให้เว็บไซต์รองรับการใช้งานได้ดีทั้งบนคอมพิวเตอร์ และมือถือ เพราะ Google ใช้นโยบาย “Mobile-First Indexing” หมายความว่าระบบจะดูเว็บไซต์ในมุมมองของมือถือก่อนเป็นหลัก
วิธีปรับเว็บไซต์ให้ Google มองเห็นได้ดีขึ้น
1. ตรวจสอบและเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์
เว็บไซต์ที่โหลดช้าไม่เพียงทำให้ผู้ใช้กดออกก่อน แต่ยังส่งผลให้ Googlebot เก็บข้อมูลได้ยากขึ้นด้วย การเพิ่มความเร็วด้วยการบีบอัดรูปภาพ ลดโค้ดที่ไม่จำเป็น และใช้ระบบแคช จะช่วยให้ Google เห็นเว็บไซต์ของเราได้ครบถ้วน และเร็วขึ้น
2. เพิ่มคำอธิบายภาพ (Alt Text) ให้กับทุกภาพ
Google ไม่สามารถมองเห็นภาพเหมือนมนุษย์ได้ การใส่ Alt Text จึงช่วยให้ระบบเข้าใจว่าภาพนั้นเกี่ยวกับอะไร ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับ และการแสดงผลบน Google Image Search เว็บไซต์ที่ใส่ใจในรายละเอียดนี้จะทำให้ Google เห็นเว็บไซต์ของเราได้ชัดเจนกว่าเดิม
3. ใช้โครงสร้างข้อมูล (Schema Markup)
Schema คือภาษาที่ช่วยให้ Google เข้าใจประเภทของข้อมูล เช่น บทความ รีวิว หรือสินค้า การเพิ่มโค้ด Schema จะช่วยให้ข้อมูลของเราถูกนำเสนอในรูปแบบ Rich Result ทำให้ Google เห็นเว็บไซต์ของเราเป็นระบบ และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
4. จัดทำและส่ง Sitemap ให้ Google Search Console
Sitemap ทำหน้าที่เหมือนแผนที่ที่บอกเส้นทางให้ Googlebot รู้ว่ามีหน้าเว็บใดบ้างในเว็บไซต์ของเรา การส่ง Sitemap ผ่าน Search Console ช่วยให้ Google เห็นเว็บไซต์ของเราได้ครบทุกหน้า และรวดเร็วกว่าการรอให้ระบบค้นพบเอง
5. ปรับเนื้อหาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้และเข้าใจง่าย
Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ให้คุณค่าต่อผู้อ่านมากกว่าเว็บไซต์ที่มีคีย์เวิร์ดซ้ำ ๆ การเขียนเนื้อหาที่ตอบคำถามผู้อ่านอย่างแท้จริง และจัดโครงสร้างให้อ่านง่าย จะช่วยให้ Google เห็นเว็บไซต์ของเราว่ามีคุณภาพ และควรค่าแก่การแสดงผลในอันดับต้น ๆ
สรุป: เข้าใจว่า Google เห็นเว็บไซต์ของเราอย่างไร คือจุดเริ่มต้นของ SEO ที่แท้จริง
ท้ายที่สุดแล้ว การเข้าใจว่า Google เห็นเว็บไซต์ของเราอย่างไร ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO เพราะหากเรามองเพียงแค่มุมมองของผู้ใช้โดยไม่เข้าใจมุมมองของระบบ เว็บไซต์ของเราก็อาจไม่ถูกจัดอันดับอย่างที่หวังไว้ การทำให้ Googlebot อ่าน และเข้าใจข้อมูลได้ครบถ้วน จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสแสดงผลในหน้าค้นหาได้มากขึ้น ดังนั้น ก่อนจะปรับแต่ง SEO ใด ๆ ควรเริ่มจากพื้นฐานที่สุดคือ เข้าใจมุมมองของ Google ว่าเห็นอะไร ไม่เห็นอะไร และให้ความสำคัญกับสิ่งใด เราก็จะสามารถสร้างเว็บไซต์ที่ทั้ง สวยในสายตาผู้ใช้ และ ชัดเจนในสายตา Google ไปพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์
ให้ Bizsoft เป็นผู้ช่วยในการพัฒนา และปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณอย่างมืออาชีพ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และการออกแบบเว็บไซต์ที่เข้าใจทั้งเทคนิคของ Google และประสบการณ์ผู้ใช้จริง เราพร้อมช่วยให้เว็บไซต์ของคุณถูกมองเห็นมากขึ้น และเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มอย่างยั่งยืน
