การวัดผล KPI Social Media ในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการแข่งขันที่ยิ่งทวีคูณมากขึ้นในทุกวัน การโพสต์คอนเทนต์แม้จะได้ยอดไลก์มากมาย แต่การมองแค่ “ยอดไลก์” นั้นอาจเป็นกับดักที่ทำให้แบรนด์หลงทางได้ง่าย ๆ เพราะยอดไลก์เพียงอย่างเดียวไม่ได้หมายถึงยอดขายที่เติบโตเสมอไป แล้วอะไรคือตัวชี้วัดที่แท้จริงที่แบรนด์ยุคใหม่ควรให้ความสำคัญ?
บทความนี้ Bizsoft จะมาเจาะลึก 3 KPI Social Media สำคัญที่ควรวัดนอกเหนือจากยอดไลก์ ได้แก่ อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate), อัตราการเปลี่ยนเป็นเป้าหมายที่ต้องการ (Conversion Rate) และ อัตราการรับรู้แบรนด์และการเติบโตของผู้ติดตาม (Reach & Follower Growth)
ทำไม “ยอดไลก์” ถึงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย?
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมการยึดติดกับยอดไลก์ (Likes) ยอดผู้ติดตาม (Followers) หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า Vanity Metrics (ตัวชี้วัดที่ดูดีแต่ไม่มีความหมาย) ถึงเป็นเรื่องน่ากังวล Vanity Metrics เปรียบเสมือนภาพลวงตาที่ทำให้เรารู้สึกดี แต่กลับไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปรับปรุงกลยุทธ์ได้จริง
- ไม่ได้แปลว่า “ลูกค้า” เสมอไป: คนกดไลก์อาจไม่ได้สนใจสินค้าคุณจริง ๆ หรือไม่ได้มีเจตนาจะซื้อ พวกเขาอาจแค่ “ถูกใจ” คอนเทนต์ ไม่ใช่ “ต้องการ” สินค้าก็ได้
- ไม่สามารถใช้ตัดสินคุณภาพของแคมเปญ: แคมเปญที่ได้ไลก์เยอะอาจไม่ได้สร้างผลตอบแทน หรือ ROI ที่ดี ยกตัวอย่างเช่น วิดีโอตลกที่คนแชร์เยอะ แต่ไม่มี Call-to-Action หรือการเชื่อมโยงกับแบรนด์
- ถูกปั่นได้ง่าย: ยอดไลก์สามารถซื้อได้ หรือถูกปั่นด้วยบอท/ฟาร์มไลก์ ซึ่งสร้างภาพลวงตาว่าแบรนด์ได้รับความนิยม ทั้งที่ไม่ส่งผลอะไรต่อการเติบโต ในกรณีนี้ ยอดไลก์ที่ได้มาก็แทบจะไม่มีความหมายในเชิงธุรกิจเลย แบรนด์ยุคใหม่จึงจำเป็นต้องก้าวข้ามตัวเลขผิวเผินเหล่านี้ และหันมาให้ความสำคัญกับ KPI ที่สะท้อนผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างแท้จริง
เปิดลิสต์ 3 KPI Social Media วัดผลฉบับแบรนด์ยุคใหม่
1. อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate)
อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate) เป็น KPI ที่วัดว่าโพสต์หรือคอนเทนต์ดึงดูดให้ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหน โดยนับรวมยอดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ หรือการบันทึกโพสต์ ซึ่งการมี Engagement Rate สูงแปลว่าเนื้อหาของเราทำให้คนดูมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์มาก นั่นหมายถึงแบรนด์สามารถดึงดูดความสนใจได้ดี เป็นสัญญาณดีต่อการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การคำนวณ Engagement Rate เบื้องต้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
สูตร Engagement Rate (per post) = (จำนวนไลก์ + คอมเมนต์ + แชร์ (และกิจกรรมอื่น ๆ เช่น บันทึกโพสต์)) ÷ จำนวนผู้ติดตามทั้งหมด × 100
ตัวอย่าง: มีผู้ติดตามทั้งหมด 23,200 คน แล้วได้รับ 120 ไลก์ 230 คอมเมนต์ 165 แชร์ รวมเป็น 515 ครั้ง = ((120+230+165)/23,200)*100 จะได้ Engagement Rate ประมาณ 2.2%
ทำอย่างไรให้ Engagement สูง? ควรโพสต์คอนเทนต์ที่กระตุ้นการโต้ตอบ เช่น ตั้งคำถามชวนคุย หรือสร้างโพลล์ (Poll) เพื่อให้ผู้ติดตามได้แสดงความคิดเห็น ใช้ภาพ และวิดีโอ (Reels/Shorts) ตอบคอมเมนต์ของผู้ชมอย่างรวดเร็ว เป็นต้น วิธีเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ติดตามมีส่วนร่วมมากขึ้น และส่งผลให้อัตราการมีส่วนร่วมโดยรวมดีขึ้นตามไปด้วย
2. อัตราการเปลี่ยนเป็นเป้าหมายที่ต้องการ (Conversion Rate)
หาก Engagement คือการวัดความสัมพันธ์ Conversion Rate ก็คือการวัดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้มากที่สุด นี่คือ KPI Social Media ที่ตอบคำถามสำคัญว่า กิจกรรมที่เราทำบนโซเชียลมีเดียนั้น ช่วยให้เกิดเป้าหมายทางธุรกิจที่เราต้องการหรือไม่? ซึ่ง Conversion หมายถึงการกระทำใด ๆ ก็ตามที่แบรนด์ต้องการให้ผู้ใช้งานทำหลังจากเห็นคอนเทนต์ของเรา ซึ่งอาจจะเป็น การคลิกลิงก์ไปยังหน้าสินค้าบนเว็บไซต์ การลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสาร การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือ E-book การทักข้อความเข้ามาเพื่อสอบถามข้อมูล และการสั่งซื้อสินค้า โดยมีวิธีการคำนวณ Conversion Rate ง่าย ๆ ดังนี้
สูตร Cost per Conversion = (จำนวน Conversion ที่เกิดขึ้น/จำนวนคลิกทั้งหมด (หรือยอด Reach)) *100
ตัวอย่าง คุณยิงแอดโปรโมตสินค้า มีคนคลิกลิงก์จากโพสต์นั้น 500 ครั้ง และเกิดการสั่งซื้อสินค้าผ่านลิงก์นั้น 25 ครั้ง การคำนวณ: (25 / 500) x 100 = 5%
เคล็ดลับเพิ่ม Conversion Rate เริ่มต้นด้วยการสร้างปุ่ม Call-to-Action (CTA) ให้โดดเด่น และชัดเจนที่สุดบนหน้าเว็บ จากนั้นออกแบบขั้นตอนทั้งหมดให้ใช้งานง่าย ลดความซับซ้อนที่ไม่จำเป็นออกไป มีข้อมูลสอดคล้องกับสิ่งที่โฆษณาไว้บนโซเชียลมีเดีย สุดท้ายคือการกระตุ้นการตัดสินใจด้วยข้อเสนอพิเศษที่มีเวลาจำกัดเพื่อสร้างความรู้สึกเร่งด่วน
3. อัตราการรับรู้แบรนด์และการเติบโตของผู้ติดตาม (Reach & Follower Growth)
การเข้าถึง (Reach) คือจำนวนคนที่ไม่ซ้ำกันที่เห็นคอนเทนต์ของคุณ ซึ่งเปรียบเสมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อ Reach สูงขึ้น โอกาสที่คนใหม่ ๆ จะเข้ามาเจอหน้าโปรไฟล์ของคุณก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากจุดนั้น การเติบโตของผู้ติดตาม (Follower Growth) จะเป็นตัวชี้วัดว่าโปรไฟล์ และคอนเทนต์ของคุณน่าสนใจมากพอที่จะเปลี่ยน “ผู้ที่มองเห็น” ให้กลายเป็น “ผู้ติดตาม” ได้หรือไม่ ซึ่งการมีฐานผู้ติดตามที่เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่จะสร้างความน่าเชื่อถือ (Social Proof) แต่ยังเป็นการสร้างฐานผู้ชมของตัวเองที่แบรนด์สามารถสื่อสารด้วยได้โดยตรงในระยะยาว ดังนั้น กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งจึงต้องเริ่มจากการขยาย Reach ให้กว้างที่สุด เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มผู้ติดตามที่มีคุณภาพตามมานั่นเอง
สรุปให้ครบ เชื่อม 3 KPI Social Media สู่ความสำเร็จ
KPI Social Media ทั้ง 3 ตัวนี้ Engagement Rate, Conversion Rate และ Reach & Follower Growth ช่วยให้แบรนด์สามารถมองเห็นภาพของการทำงานบนโซเชียลได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อนำข้อมูลจาก KPI เหล่านี้มาประเมิน และปรับกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้แบรนด์วางแผนพัฒนาคอนเทนต์ และแคมเปญได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การตลาดบนโซเชียลมีเดียมีประสิทธิภาพ และสร้างผลตอบแทนได้อย่างแท้จริง
ยกระดับการตลาดของคุณไปอีกขั้น ให้ Bizsoft เป็นพาร์ทเนอร์ที่ช่วยเชื่อมโยงทุกข้อมูลทางการตลาดของคุณเข้ากับการเติบโตของธุรกิจ ตั้งแต่การรับทำเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างแข็งแรงเหมาะกับธุรกิจ ไปจนถึงการรับทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google อย่างครบวงจร เพื่อดึงดูดลูกค้าคุณภาพเข้ามาหาคุณได้อย่างยั่งยืน หากคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกคลิกให้มีความหมาย ติดต่อได้เลยวันนี้!